ทาสีบ้านใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง? คู่มือจ้างบริษัทรับทาสีสำหรับมือใหม่
หากบ้านเริ่มดูหมอง ซีด หรือสีเริ่มลอก อาจถึงเวลาต้อง “ทาสีบ้านใหม่” เพื่อให้บ้านกลับมาดูสดใสเหมือนวันแรกที่สร้าง การทาสีไม่เพียงช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องผนังจากฝุ่น ความชื้น และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยจ้างบริษัทรับทาสีมาก่อน อาจมีคำถามมากมายว่าจะเริ่มต้นยังไง เลือกสีแบบไหน หรือควรจ้างช่างเองหรือใช้บริการแบบครบวงจร บทความนี้จะพาไปรู้จักทุกขั้นตอนที่ควรรู้ก่อนทาสีบ้าน พร้อมเทคนิคเลือกบริษัทรับเหมาที่ไว้ใจได้ เพื่อให้การทาสีบ้านครั้งนี้ออกมาสวย เรียบร้อย และคุ้มค่าที่สุด
ทำไมการทาสีบ้านใหม่จึงสำคัญ?
สีบ้านไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจแรกให้กับคนที่พบเห็น แต่ยังมีบทบาทในการป้องกันพื้นผิวผนังจากความชื้น เชื้อรา แสงแดด ฝุ่นละออง และมลภาวะต่าง ๆ การเลือกสีที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “โทนสี” แต่เป็นเรื่องของฟังก์ชันที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของบ้านในระยะยาว การทาสีบ้านใหม่จึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลและเพิ่มมูลค่าบ้าน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทาสีบ้านใหม่
1. รู้จักประเภทของสีที่ใช้ในงานทาสีบ้าน
ก่อนทาสีบ้านใหม่ ควรรู้จักประเภทของสีทาบ้านหลัก ๆ ที่นิยมใช้ เช่น
สีอะคริลิก (Acrylic Paint): เหมาะกับผนังปูนทั่วไป มีคุณสมบัติทนแดด ทนฝน และยึดเกาะดี
สีน้ำมัน (Oil-based Paint): มักใช้กับงานไม้หรือเหล็ก ให้ความเงางามแต่แห้งช้าและมีกลิ่น
สีรองพื้น: ช่วยให้สีจริงยึดเกาะดีขึ้น ป้องกันด่างและเชื้อรา
สีกันเชื้อรา: เหมาะกับพื้นที่อับชื้น เช่น ห้องน้ำหรือผนังหลังบ้าน
การเลือกประเภทสีให้เหมาะสมกับพื้นผิวและสภาพแวดล้อม เป็นหน้าที่ของบริษัทรับทาสีที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดให้ได้
2. เตรียมพื้นที่ก่อนทาสี
การเตรียมผิวผนังมีผลอย่างมากต่อความสวยงามและความทนทานของสี โดยทั่วไปบริษัทรับทาสีที่มีมาตรฐานจะเริ่มจากการขูดลอกสีเก่า ล้างผนัง กำจัดคราบ รา หรือเชื้อโรค รวมถึงอุดรอยแตกร้าวก่อนทาสีทุกครั้ง การละเลยขั้นตอนนี้อาจทำให้สีใหม่หลุดลอกเร็วและเกิดคราบภายหลัง
3. เลือกสีที่เหมาะกับตำแหน่งใช้งาน
ภายนอก: ต้องใช้สีที่ทนแดด ทนฝน ไม่ซีดจางง่าย เช่น สีที่มีสารสะท้อน UV
ภายใน: เลือกสีที่ปลอดสารระเหย (Low VOC) และไม่มีกลิ่นฉุน เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องเด็ก หรือพื้นที่อยู่อาศัย
เพดาน: ควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อราและความชื้น
ผนังห้องครัว: ใช้สีที่เช็ดล้างง่าย ป้องกันคราบมัน
ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทรับทาสีมืออาชีพจะช่วยแนะนำชนิดและแบรนด์สีที่ตรงกับฟังก์ชันแต่ละพื้นที่เอง
4. เข้าใจขั้นตอนการทาสีบ้าน
การทาสีบ้านใหม่ไม่ได้จบเพียงแค่ “ลงสีจริง” แต่ต้องผ่านหลายขั้นตอน ดังนี้
ตรวจสอบพื้นที่และประเมินงาน
เตรียมพื้นผิวผนังให้เรียบพร้อม
ทาสีรองพื้นเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ
ลงสีจริง 2-3 รอบ (ขึ้นอยู่กับเฉดสีและประเภทผนัง)
เก็บรายละเอียดรอยต่อ รอยด่าง และทำความสะอาดพื้นที่หน้างาน
ข้อดีของการจ้างบริษัทรับทาสีมืออาชีพ
การเลือกจ้างบริษัทรับทาสีมืออาชีพ นอกจากจะช่วยให้งานเสร็จเร็วและเรียบร้อยแล้ว ยังมีข้อดีหลายด้านที่เจ้าของบ้านมือใหม่อาจยังไม่เคยทราบมาก่อน ได้แก่
1. ได้ผลลัพธ์สวยงามและทนทาน
ช่างจากบริษัทรับทาสีที่มีประสบการณ์จะรู้วิธีเตรียมพื้นผิวอย่างถูกต้อง เลือกใช้สีที่เหมาะกับผนังแต่ละประเภท และทาสีด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ผิวสีเรียบเนียน ไม่ด่าง ไม่ลอกง่าย ผลลัพธ์ที่ได้จึงทั้งดูดีและใช้งานได้นานกว่าการทาเอง
2. ใช้อุปกรณ์และวัสดุที่ได้มาตรฐาน
บริษัทรับทาสีมืออาชีพมีเครื่องมือครบครัน เช่น เครื่องขัดสี เครื่องพ่นสี นั่งร้าน หรืออุปกรณ์ความปลอดภัย ทำให้งานดำเนินได้รวดเร็ว และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุหากบ้านมีพื้นที่สูง
3. มีการวางแผนงานที่ชัดเจน
มืออาชีพจะประเมินพื้นที่หน้างาน วางแผนการทำงานเป็นขั้นตอน และแจ้งระยะเวลาเสร็จสิ้นให้ชัดเจน ต่างจากการใช้ช่างทั่วไปที่อาจทำแบบเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบแน่นอน
4. ประหยัดเวลาและแรงเจ้าของบ้าน
การทาสีบ้านเองอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ หากไม่มีประสบการณ์อาจเจอปัญหาเรื่องสีเลอะหรือต้องแก้หลายรอบ แต่บริษัทรับทาสีจะจัดทีมช่างและบริหารเวลาให้เสร็จตามกำหนด โดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องเหนื่อยหรือเสียเวลาตามงาน
5. ให้คำแนะนำที่เหมาะกับบ้านแต่ละหลัง
บริษัทรับทาสีมืออาชีพจะช่วยประเมินว่าสภาพผนังบ้านควรใช้สีประเภทใด ยี่ห้อไหน และควรเลือกเฉดสีแบบใดจึงจะเข้ากับแสง สไตล์การแต่งบ้าน และงบประมาณของเจ้าของบ้านได้อย่างลงตัว
คำแนะนำก่อนเลือกบริษัทรับทาสี
ตรวจสอบรีวิวหรือผลงานที่เคยทำ
ขอใบเสนอราคาและระยะเวลาดำเนินงาน
เช็กว่ามีการรับประกันผลงานหรือไม่
เปรียบเทียบบริการจากหลายเจ้าเพื่อดูความเหมาะสม
เลือกบริษัทที่มีทีมช่างของตนเอง ไม่ใช้ช่างจ้างรายวัน
Comments
Post a Comment