คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นไม่ทำงาน แต่ไฟยังเข้า เกิดจากอะไร?

แม้ตู้เย็นจะยังมีไฟเข้า เปิดหลอดไฟภายในได้ตามปกติ แต่ถ้ารู้สึกว่าเครื่องไม่เย็น หรือไม่ได้ยินเสียงคอมเพรสเซอร์ทำงานเหมือนเคย นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่หลายคนมองข้าม การที่คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นไม่ทำงานทั้งที่ไฟยังเข้าอยู่ ไม่ได้แปลว่าตู้เย็นพังทั้งระบบเสมอไป แต่เป็นเรื่องของบางชิ้นส่วนสำคัญที่อาจกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออยู่ ลองมาดูกันว่าอาการนี้เกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง และควรเช็กจุดไหนก่อนเป็นลำดับแรก

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นไม่ทำงาน มาจากสาเหตุอะไร?

แม้ตู้เย็นจะยังมีไฟเข้าแต่ถ้าคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นไม่ทำงาน เครื่องก็จะไม่สามารถทำความเย็นได้ตามปกติ

ซึ่งสาเหตุเกิดจากอะไร มาดูกัน!

1. เทอร์โมสตัท (Thermostat) เสีย

เทอร์โมสตัทเป็นอุปกรณ์ที่คอยวัดอุณหภูมิภายในตู้เย็น เมื่ออุณหภูมิสูงเกินจุดที่ตั้งไว้จะส่งสัญญาณให้คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเริ่มทำงาน ถ้าเทอร์โมสตัทเสียจะไม่มีสัญญาณไปถึงคอมเพรสเซอร์ ทำให้เครื่องไม่เดิน แม้ระบบไฟอื่น ๆ ยังทำงานปกติ

2. รีเลย์สตาร์ท (Start Relay) หรือ คาปาซิเตอร์เสีย

รีเลย์สตาร์ทและคาปาซิเตอร์ มีหน้าที่ช่วยส่งพลังงานเริ่มต้นให้คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นทำงานตอนเปิดเครื่อง หากอุปกรณ์ใดตัวหนึ่งเสีย คอมเพรสเซอร์จะไม่สามารถเริ่มต้นหมุนได้ และจะอยู่ในสถานะเงียบหรืออาจได้ยินแค่เสียง "ติ๊กๆ"

3. โอเวอร์โหลดโปรเทคเตอร์ (Overload Protector) ตัดวงจร

อุปกรณ์นี้ทำหน้าที่ตัดไฟคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอัตโนมัติเมื่อความร้อนเกินหรือไฟเกินเพื่อป้องกันความเสียหาย หากโอเวอร์โหลดทำงานผิดปกติก็จะทำให้ไฟไม่ส่งถึงคอมเพรสเซอร์

4. แรงดันไฟฟ้าไม่เสถียรหรือไฟตก

คอมเพรสเซอร์ต้องการแรงดันไฟฟ้าที่คงที่พอสมควร ถ้าแรงดันต่ำกว่ามาตรฐาน (ต่ำกว่า 180V) อาจทำให้ไม่สามารถสตาร์ทคอมเพรสเซอร์ได้หรือสตาร์ทแล้วดับ

5. สายไฟหรือขั้วต่อหลวม

แม้ไฟเข้าตู้เย็นได้แต่ถ้าสายไฟที่ต่อไปยังคอมเพรสเซอร์หลวม สึกหรอ หรือขาด จะทำให้ไฟไม่ไปถึงคอมเพรสเซอร์ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

6. คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นชำรุดหรือพัง

หากตรวจเช็กส่วนอื่น ๆ แล้วปกติหมด แต่คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นยังไม่ทำงาน อาจเป็นเพราะตัวคอมเพรสเซอร์เสีย เช่น ขดลวดไหม้ มอเตอร์ภายในลัดวงจร หรือระบบกลไกภายในติดขัด

คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเสียเปลี่ยนเองได้ไหม?

แม้การเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นจะสามารถทำเองได้ในทางเทคนิค แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้หรือเครื่องมือเฉพาะทาง เนื่องจากต้องใช้ทักษะด้านระบบทำความเย็น การเชื่อมท่อ การดูดและเติมน้ำยาแอร์อย่างถูกต้อง รวมถึงความเข้าใจในระบบไฟฟ้า หากทำผิดขั้นตอนอาจทำให้เครื่องเสียหายหรือเกิดอันตรายได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการแทนดีที่สุด

วิธีเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นด้วยตัวเอง (สำหรับผู้มีความรู้ช่าง)

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • คอมเพรสเซอร์ใหม่ที่ตรงรุ่น

  • เครื่องเชื่อมท่อทองแดง (Brazing Torch)

  • ปั๊มสุญญากาศ

  • เกจวัดแรงดันน้ำยาแอร์

  • น้ำยาแอร์ตามรุ่นของตู้เย็น (เช่น R134a, R600a)

  • เครื่องดูดน้ำยาเก่า (หรือช่างบริการที่ช่วยดูดให้)

  • คีม ไขควง มีดตัดท่อ คัตเตอร์ สายไฟ หัวแร้ง

  • อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น ถุงมือกันความร้อน แว่นตา หน้ากาก

ขั้นตอนการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ตู้เย็น

1. ปิดเครื่องและเคลื่อนย้ายตู้เย็น

ถอดปลั๊กตู้เย็นออกจากแหล่งจ่ายไฟให้เรียบร้อย จากนั้นเลื่อนตู้เย็นออกมาเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริเวณด้านหลังได้ง่าย พื้นที่ทำงานควรโล่งและมีการระบายอากาศที่ดีเพื่อความปลอดภัย

2. ดูดสารทำความเย็นออกจากระบบ

ใช้เครื่องดูดน้ำยาร่วมกับเกจวัดแรงดันเพื่อดูดน้ำยาแอร์ออกจากระบบ และเก็บไว้ในถังที่เหมาะสม ห้ามปล่อยสารทำความเย็นออกสู่อากาศ เพราะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผิดกฎหมาย โดยเฉพาะถ้าเป็นน้ำยาติดไฟได้อย่าง R-600a

3. ถอดคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอันเก่าออก

ใช้เครื่องตัดท่อเพื่อตัดท่อทองแดงที่เชื่อมต่อกับคอมเพรสเซอร์ตู้เย็น ถอดสายไฟออกโดยจดตำแหน่งไว้หรือถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อให้สามารถต่อกลับได้ถูกต้อง จากนั้นคลายขายึดคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นออกแล้วนำตัวเก่าออกมา

4. ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอันใหม่

นำคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นอันใหม่วางในตำแหน่งเดิม ยึดด้วยขายึดให้แน่น จากนั้นเชื่อมท่อทองแดงให้เรียบร้อยโดยใช้เครื่องเชื่อม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเชื่อมแน่น ไม่รั่ว แล้วต่อสายไฟให้ถูกต้องตามตำแหน่งเดิมที่จดไว้ก่อนหน้า

5. ทำสูญญากาศในระบบ

ต่อเครื่องปั๊มสูญญากาศเข้ากับระบบแล้วเปิดทำงานต่อเนื่องประมาณ 30–45 นาที เพื่อไล่อากาศและความชื้นออกให้หมด ขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะความชื้นในระบบอาจทำให้คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นเสียหายได้ในระยะยาว

6. เติมน้ำยาแอร์

เลือกน้ำยาแอร์ให้ตรงกับชนิดที่ตู้เย็นใช้ เช่น R-134a หรือ R-600a แล้วเติมเข้าไปตามปริมาณที่ระบุในคู่มือหรือสติกเกอร์ที่ติดอยู่กับเครื่อง ต้องระวังอย่าเติมมากหรือน้อยเกินไป เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ

สรุป

ปัญหาคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นทำงานผิดปกติ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองตามขั้นตอนที่เราแนะนำไว้ก่อนหน้านี้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ขอแนะนำว่าไม่ควรดำเนินการเองหากไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ด้านงานช่าง เนื่องจากการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์มีความซับซ้อน และต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทาง หากเปลี่ยนผิดวิธีอาจทำให้ตู้เย็นเสียหายหนักกว่าเดิมได้

Comments

Popular posts from this blog

รับรีโนเวทอาคารเปลี่ยนพื้นที่เก่าให้เป็น Co-working Space สุดทันสมัย

ทำไมแบรนด์เติบโตไวต้องมีเอเจนซี่รับทำ SEO อยู่เบื้องหลัง

ทำไมธุรกิจยุคใหม่ควรพึ่งพาบริการ Digital Solution?